วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คําแนะนําการสมัครสอบทหารกองหนุนเป็นนายทหารประทวนสายงานสัสดี ประจำปี ๒๕๕๗

คําแนะนําการสมัครสอบทหารกองหนุนเป นนายทหารประทวน(สัสดี) ประจําป ๒๕๕7 ( ฉบับย"อ ) 
กรมยุทธศึกษาทหารบก 
------------------------------------
 ๑. ความมุ"งหมาย กองทัพบกมีความประสงค จะรับสมัครสอบทหารกองหนุนเข าเป นนายทหารประทวน สายงานสัสดี
ประจําป ๒๕๕7 โดยบรรจุรับราชการ และได รับการแต)งตั้งยศเป นสิบตรี เพื่อบรรจุลงในตําแหน)งเสมียนหน)วยสัสดีอําเภอ ,
เสมียนสํานักงานสัสดีจังหวัด และเสมียนฝ3ายสรรพกําลัง มณฑลทหารบกหรือ จังหวัดทหารบก
 ๒. หลักสูตรการศึกษา : เมื่อสามารถสอบคัดเลือกได จะได รับการฝ8กและอบรมวิชาเกี่ยวกับนายทหารประทวนสายงาน
สัสดีชั้นต น ณ โรงเรียนการกําลังสํารอง ค)ายธนะรัชต อ.ปราณบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ เป นเวลา 14 สัปดาห และเมื่อสําเร็จแล วจะต องไป
ปฏิบัติงานตามตําแหน)งที่ตนได เลือกไว แล ว
 ๓. ประเภทบุคคลที่จะรับสมัคร ต องเป น
 ๓.๑ เพศชายที่สําเร็จการฝ8กวิชาทหาร ตั้งแต)ชั้นป ที่ ๓ โดยได ขึ้นทะเบียนและนําปลด เป นทหารกองหนุนประเภทที่ ๑
 ๓.๒ ผู ที่เข ารับราชการเป นทหารกองประจําการจนครบกําหนดปลด เป นทหารกองหนุนประเภทที่ ๑
 ๔. คุณสมบัติของผู4สมัคร ต องมีคุณสมบัติดังนี้.-
 ๔.๑ สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาศึกษาตอนปลาย (ม.๖) สายสามัญ สายอาชีพ หรือเทียบเท)า ตามหลักสูตร
ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยต องนําเอกสารการสําเร็จการศึกษามามอบให เจ าหน าที่ ยศ.ทบ. ในวันรับฟKงการชี้แจงภายหลังประกาศผล
รอบที่สอง
 ๔.๒ อายุตั้งแต) ๑๘ ป ถึง ๓๐ ป ( ผู เกิดระหว)าง วันที่ ๑ ม.ค.๒๕๒7 ถึง ๓๑ ธ.ค.๒๕๓9 )
 ๔.๓ เป นผู มีคุณสมบัติทั่วไปตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗
 ๔.๔ มีสัญชาติไทยและบิดา,มารดามีสัญชาติไทยโดยกําเนิดแต)ถ าบิดาเป นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหาร
ประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกําเนิดแล ว มารดาจะมิใช)เป นผู มีสัญชาติไทยโดยกําเนิดก็ได
 ๔.๕ ไม)เป นโรคที่ขัดต)อการบรรจุเข ารับราชการทหาร (รายละเอียดตามระเบียบการฯ)
 ๔.๖ มีอวัยวะ รูปร)าง ลักษณะท)าทาง และขนาดของร)างกายเหมาะแก)การเป นทหาร ไม)เป นโรคหรือสภาพร)างกาย
และจิตใจ ซึ่งไม)สามารถรับราชการทหารได ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๗๔ (พ.ศ.๒๕๔๐) และกฎกระทรวงฉบับที่ ๗๖ (พ.ศ.๒๕๕๕) ออก
ตามความในมาตราแห)งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ โดยมีความสูงตั้งแต) ๑๖๐ ซ.ม. ขึ้นไป มีขนาดรอบตัวตั้งแต) ๗๖ ซ.ม.
ขึ้นไป ในเวลาหายใจออกและมีน้ําหนักตัวตั้งแต) ๔๘ ก.ก. ขึ้นไป
 ๔.๗ ไม)เป นผู บกพร)องในศีลธรรมอันดีงามไม)เป นผู ที่มีหนี้สินล นพ นตัวหรือเป นบุคคลล มละลายตามคําพิพากษา
 ๔.๘ ไม)อยู)ในสมณเพศ
 ๔.๙ ไม)เป นผู อยู)ในระหว)างเป นจําเลยในคดีอาญาและไม)เคยต องโทษจําคุกตามคําพิพากษาของศาล ในคดีอาญา
ยกเว นแต)ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ
 ๔.๑๐ ไม)เป นผู อยู)ในระหว)างพักราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ
 ๔.๑๑ ไม)เป นผู เคยถูกให ออกจากราชการเพราะความผิดหรือมีมลทินหรือมัวหมอง
 ๔.๑๒ ไม)เคยทุจริตในการสมัครสอบ หรือ การสอบคัดเลือกเข าเป นนักเรียนทหารหรือเข ารับราชการมาก)อน
 ๔.๑๓ ไม)เป นผู เสพยาเสพติดหรือสารเคมีเสพติดให โทษ หรือ มีประวัติคดีอาญาข อหาเกี่ยวกับยาเสพติด
 ๔.๑๔ เป นผู เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย ทรงเป นประมุข
 ๔.๑๕ ต องผ)านการทดสอบร)างกายตามเกณฑ ที่คณะกรรมการสอบคัดเลือกกําหนด



รายละเอียดคลิก
http://radd-atc.com/images/namnum_sas571.pdf

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันที่ 5 ธันวาคม 2556 ณ หอประชุมอำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด

 อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธิ์ นายอำเภออาจสามารถ เป็นประธานในพิธี  นำข้าราชการ, ทหาร, ตำรวจ และประชาชนชาวอำเภออาจสามารถ กว่า 800 คน ร่วมลงนามถวายพระพร ประกอบพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดี














วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

ร้อยเอ็ดน้ำสูงนาข้าว-ถนนจม-อ.อาจสามารถอ่วม

ร้อยเอ็ดน้ำสูงนาข้าว-ถนนจม-อ.อาจสามารถอ่วม

 




วันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ที่ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมากไหลจากตำบลโหรา อ.อาจสามารถ และ อ.ธวัชบุรี ลงมายังอ.อาจสามารถ ทำให้ถนนสายเมืองร้อยเอ็ด-อาจสามารถ ที่หลักกิโลเมตรที่ 31-32 บ้านดอนกลาง-บ้านชูชาติ ระยะทาง 500 เมตร ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. และไหลแรง การสัญจรไปมาลำบาก เจ้าหน้าที่จากแขวงการทางยโสธรต้องนำสัญญาณและป้ายเตือนให้ใช้ความระมัดระวังหวั่นเกิดอันตราย

 นายประดิษฐ์ ศรีประสิทธิ์ นายอำเภออาจสามารถ เปิดเผยว่า สำหรับน้ำท่วมถนน เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่อำเภออาจสามารถอย่างต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะตำบลโหรา วัดปริมาณน้ำฝนได้เฉลี่ย 115 มม. และตกหนักในเขตพื้นที่อำเภอธวัชบุรีวันเดียวกว่า 300 มม. เกิดมวลน้ำมหาศาลไหลจากตำบลโหราและธวัชบุรีซึ่งเป็นที่สูงไหลลงสู่ที่ต่ำ บ้านดอนกลาง-บ้านชูชาติ จนท่วมถนนดังกล่าว แล้วน้ำจะไหลไปลงห้วยสร้างแข้ ห้วยไส้ไก่ และลงลำน้ำชี ปัญหาอยู่ที่ว่าปัจจุบันลำน้ำชีระดับน้ำสูงขึ้นตลอดเวลา หากลำน้ำชีหนุนขึ้นมาการระบายน้ำลงลำบากอาจจะทำให้น้ำท่วมถนนต่อไปอีกหลายวัน

 นายประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ถนนเส้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของแขวงการทางยโสธร ได้ประสานงานแจ้งไปแขวงการทางก็ได้มาทำป้ายสัญญาณเตือนผู้สัญจรไปมาให้ใช้ความระมัดระวังแล้ว ทั้งนี้อำเภออาจสามารถยังมีน้ำท่วมพื้นที่นาส่วนใหญ่อยู่ริมลำน้ำชี ห้วยไส้ไก่ ในพื้นที่ตำบลหน่อม ที่น้ำเริ่มเอ่อขึ้นมาแล้วกว่า 2,000 ไร่

 ด้านนายฤทัย ธราธร กำนันตำบลอาจสามารถ เปิดเผยว่า ถนนเส้นนี้เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมทุกปี ปีนี้ท่วมมานานกว่า 7 วันแล้ว วันนี้จะท่วมสูงขึ้นกว่าทุกวันเนื่องจากฝนตกหนักทั้งคืน นอกจากน้ำท่วมถนนสายนี้แล้ว ยังมีน้ำท่วมถนนในหลายหมู่บ้าน และมีพื้นที่เกษตรเสียหายจำนวนมาก ได้ทำหนังสือรายงานไปยังเกษตรอำเภอแล้ว สำหรับพื้นที่ความเสียหายกำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวม เฉพาะตำบลอาจสามารถสำรวจรอบแรก 3 หมู่บ้านนาข้าวจมน้ำแล้วกว่า 400 ไร่


ที่มาข้อมูลวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 08:34 น.  ข่าวสดออนไลน์ 

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด

ฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
















วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชมรมทหารกองหนุน อ.อาจสามารถ กิจกรรม ปลุกป่า

มหกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี ประจำปี 2556 อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด















เมื่อวันที่ ๑๒  กรกฎาคม   ๒๕๕๖  นาย แก้ว   มนต์ไธสง  ประธานชมรมทหารกองหนุนอำเภออาจสามารถ  พร้อมคณะกรรมการชมรม และ สมาชิกชมรมทหารกองหนุน  จำนวน   ๓๐   คน ได้ร่วมในมหกรรมปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติ  โครงการประชาอาสาปลูกป่า  ๘๐๐ ล้านกล้า  ๘๐  พรรษา มหาราชินี  ณ พุทธอุทยานสวนป่าบุปผาราม  หมู่ที่ ๑๒  บ้านดอนกลาง  ตำบลอาจสามารถ  จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี  พลเอก กิตติศักดิ์  รัฐประเสริฐ  ที่ปรึกษา  พลเอก ชวลิต  ยงใจยุทธ  อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธี

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชมรมทหารกองหนุนอำเภออาจสามารถ กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์



เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน  ๒๕๕๖
             นายแก้ว        มนต์ไธสง              ประธานชมรมทหารกองหนุนอำเภออาจสามารถ
และสมาชิกชมรมทหารกองหนุน พร้อมด้วยราษฎรบ้านโพนเมือง หมู่ที่ ๑ ตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกันพัฒนา ปรับปรุงภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้าน ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ 

       
















วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข้อแนะนำการติดต่องานสัสดี


การลงบัญชีทหารกองเกิน (ใบสำคัญ แบบ สด.๙)
หลักเกณฑ์ อายุย่างเข้า ๑๘ ปี ไปลงบัญชีตามภูมิลำเนาบิดา ถ้าบิดาถึงแก่กรรมลงตามมารดา ถ้ามารดาถึงแก่กรรมลงตามผู้ปกตรอง พร้อมหลักฐานต่อไปนี้.-
๑.  บัตรประจำตัวประชาชน
๒.  สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
๓.  สูติบัตร



การขอรับหนังสือสำคัญ แบบ สด.๘
หลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดง
๑.  บัตรประจำตัวประชาชน
๒.  ใบอนุญาตให้ลา แบบ ๒ (ทหารกองประจำการ) ถ้ามี
๓.  หนังสือสำคัญประจำตัว แสดงวิทยฐานะของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นักศึกษาวิชาทหาร) ถ้ามี


การขอรับหมายเรียกฯ (แบบ สด.๓๕)
หลักเกณฑ์ อายุย่าง ๒๑ ปี พร้อมหลักฐานต่อไปนี้.-
๑.  ใบสำคัญแบบ สด.๙
๒.  บัตรประจำตัวประชาชน
กรณีขอรับหมายเรียกแทนให้นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับแทนพร้อมหนังสือมอบฉันทะมาแสดงด้วย


การเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อสกุล
หลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดง 
๑.  ใบสำคัญแบบ สด.๙ หรือ หนังสือสำคัญแบบ สด.๘
๒.  หนังสือสำคัฯการเปลี่ยนชื่อตัว, ชื่อสกุล
๓.  สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
๔.  บัตรประจำตัวประชาชน


การขอย้ายภูมิลำเนาทหาร
หลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดง
๑.  บัตรประจำตัวประชาชน
๒.  ใบสำคัญแบบ สด.๙ หรือหนังสือสำคัญแบบ สด.๘
๓.  สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน


การขอเอกสารแทนฉบับที่ชำรุด หรือสุญหาย
หลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดง
๑.  บัตรประจำตัวประชาชน
๒.  สำเนาใบรับแจ้งความจากสถานีตำรวจ
กรณีขอหนังสือสำคัญแบบ สด.๘ ต้องนำรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกขนาด ๓x๔ ซม. จำนวน ๓ รูป


การขอยกเว้น พระภิกษุ, สามเณรที่เป็นนักธรรม
หลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดง
๑.  สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
๒.  ใบสุทธิสำหรับ พระภิกษุสามเณร
๓.  ใบสำคัญแบบ สด.๙
๔.  ใบประกาศปริยัติธรรมสนามหลวง






การเรียกพล

การเรียกพล 
            ผู้ที่ต้องถูกเรียกพลมีหลายประเภท แต่จะกล่าวถึงเฉพาะ "ทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ " คือ ทหารที่ปลดจากกองประจำการ โดยรับราชการในกองประจำการ จนครบกำหนด และทหารกองเกินที่จบการฝึกวิชาทหารในชั้นปีที่ ๓ (รด. ปี ๓) ขั้นไป เมื่อขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเมื่อปลดเป็นกองหนุนจะได้รับหนังสือสำคัญ(สด.๘) พร้อมกับสมุดประจำตัวทหารกองหนุน ประเภทที่ ๑ ไว้เป็นหลักฐาน 

            ภายในระยะเวลาประมาณไม่เกิน ๒ ปี ทางราชการจะเรียกเข้ารับราชการทหารในการเรียกพล ซึ่งจะไม่เรียกทุกคน ดังนั้น ผู้ที่ถูกเรียกพลก็จะต้องไปตามวัน เวลา และสถานที่ ที่กำหนดต่อไป 

           ๑. การเรียกพล มีดังนี้ 

                ๑.๑ การเรียกพลเพื่อตรวจสอบ คือ การเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร กำหนดไม่เกิน ๑ วัน โดยกระทำในยามปกติเพื่อเข้ารับการตรวจสอบสภาพ ตรวจสอบบัญชี และซักซ้อมระเบียบ 
                ๑.๒ การเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร คือ การเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร มีกำหนดไม่เกิน ๖๐ วัน โดยกระทำในยามปกติเพื่อเข้ารับการฝึกทบทวนวิชาทหาร 
                ๑.๓ การเรียกพลเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม คือ การเรียกกำลังพลสำรอง เข้ารับราชการทหารมีกำหนดไม่เกิน ๖๐ วัน โดยกระทำในยามปกติ และยามสถานการณ์คับขัน เพื่อทดสอบแผน หรือเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ 
                ๑.๔ การระดมพล คือ การเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหารในยามที่ประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์คับขัน โดยมีกำหนดเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้น เพื่อป้องกันประเทศ หรือปราบปรามจราจลและขยายกำลังอัตราสงคราม 

               การเรียกพลทั้ง ๔ ประเภทนี้ เป็นการเตรียมพล เพื่อให้กำลังพลมีประสิทธิภาพในการพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา 

                ทหารกองหนุน เมื่อได้รับหมายเรียกพลจากนายอำเภอท้องที่แล้ว ต้องไปเข้ารับการเรียกพลตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายเรียกพล หากหลีกเลี่ยงขัดขืนจะมีความผิดตามกฎหมาย คือ หลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๓๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร หรือทดลองความพรั่งพร้อม หรือในการระดมพล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ เดือน ถึง ๔ ปี 

           ๒. การผ่อนผันการเรียกพล 

                ทหารกองหนุนผู้ใด ถ้าเห็นว่าตนจะได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเรียกเข้ารับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม เพราะเป็น 
                ๒.๑ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และข้าราชการ (ตั้งแต่ระดับ ๕ หรือเทียบเท่าขึ้นไป) ก็ให้แจ้งต่อสถานศึกษาหรือส่วนราชการที่ตนสังกัดอยู่ พร้อมส่งหลักฐานขอผ่อนผันไปยังกระทรวงกลาโหม ดังนี้
                    ๒.๑.๑ บัญชีรายชื่อ (แบบ สด.๔๕) 
                    ๒.๑.๒ สำเนาหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) 
                    ๒.๑.๓ สำเนาหมายเรียกพล (ถ้ามี) 
                    ๒.๑.๔ สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ - ชื่อสกุล(ถ้ามี) 
                    ๒.๑.๕ สำเนาหลักฐานการย้ายภูมิลำเนาทหาร (ถ้ามี) 
                ๒.๒ ครูหรืออาจารย์ ซึ่งประจำทำการสอนหนังสือ หรือวิชาการต่าง ๆ จะต้องไปขอผ่อนผันด้วยตนเองต่อนายอำเภอท้องที่ที่ทำการสอนอยู่ (ไม่ต้องส่งไปที่กระทรวงกลาโหม) โดยนำหลักฐาน ดังนี้ 
                    ๒.๒.๑ สำเนาหนังสือสำคัญ(แบบ สด.๘) 
                    ๒.๒.๒ หลักฐานรับรองว่าเป็นครูหรืออาจารย์ 
                    ๒.๒.๓ สำเนาทะเบียนบ้าน 
                    การขอผ่อนผัน นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ให้สถานศึกษาจัดทำบัญชีรายชื่อ (แบบ สด.๔๕) ส่งไปยังกระทรวงกลาโหมทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ได้รับหมายเรียกพลก่อน ให้ขอผ่อนผันได้เมื่อเป็นทหารกองหนุนและอยู่ในระหว่างการศึกษา 

                    สำหรับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งยศเป็นนายทหารสัญญาบัตรยศตั้งแต่ ว่าที่ร้อยตรี ขั้นไป จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับทหาร ว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งถือว่าเป็นนายทหารกองหนุน โดยปกติมีหน้าที่เข้ารับราชการปีหนึ่งไม่เกิน ๒ เดือน จึงไม่มีสิทธิที่จะขอผ่อนผันการเรียกพล 

                    ทหารกองหนุน เมื่อได้รับหมายเรียกพลแล้วขอได้สละเวลาไปรับราชการทหารด้วยความสมัครใจเพื่อเป็นการพบปะผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมรุ่น ทั้งเป็นการฝึกทวนแนะนำอาวุธใหม่ ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้น อย่าได้คิดหลีกเลี่ยง ขัดขืน หรืออ้างความจำเป็นใด ๆ จนเป็นเหตุให้ขาดการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีต่อชาติ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และประเทศชาติในที่สุด

หน้าที่ของกำลังพลสำรอง

หน้าที่ของกำลังพลสำรอง 

กำลังพลสำรองทุกนาย มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ตามที่ทาง


ราชการกำหนด หากขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงแล้วย่อมจะมีความผิดตามที่ได้ระบุไว้ ดังนั้นจึงควรทราบถึง


หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งสรุปได้ดังนี้คือ 

นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน โดยปกติสังกัด กพ.ทบ. มี จก.กพ.ทบ.เป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด 


ต้อง


ปฏิบัติตนตามข้อบังคับ คำสั่ง และแบบธรรมเนียมของทหาร คือ

๑. การย้ายประเภทนายทหารสัญญาบัตร แจ้ง กพ.ทบ.ต้นสังกัดก่อนกำหนด ๑๒๐ วัน

๒. การย้ายภูมิลำเนาจะต้องรายงานต้นสังกัดก่อนจะย้ายหรือหลังวันย้ายไม่เกิน ๑๕ วัน

๓ . ไปอยู่ต่างภูมิลำเนาชั่วคราว

- ไปต่างจังหวัดตั้งแต่ ๓๐ วันขึ้นไป ต้องรายงาน กพ.ทบ. ต้นสังกัดก่อนวันไปหรือหลังวันไปไม่เกิน ๑๕ 


วัน


- เมื่อจะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องทำรายงานขออนุญาตต่อ กพ.ทบ.ต้นสังกัด


เพื่อขออนุมัติต่อไปตามลำดับจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

๔. เปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล นำหลักฐานแจ้งต่อ กพ.ทบ. ต้นสังกัด (เพื่อแก้ไขประวัติ)

๕. อุปสมบท รายงาน (ตามแบบรายงาน ) วัน , เดือน , ปี, วัด, ตำบล อำเภอ, และจังหวัด ที่จะอุปสมบท


ก่อนวันอุปสมบทไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน 

๖. เมื่อต้องหาคดีอาญา (เว้นคดีขึ้นศาลทหาร) คดีแพ่งหรือคดีล้มละลายต้องรายงานต่อ กพ.ทบ. ต้น


สังกัดโดยเร็ว

๗. เมื่อเข้ารับราชการกระทรวง ทบวง กรมอื่น (นอกกระทรวงกลาโหม) รายงาน กพ.ทบ. ต้นสังกัดภายใน 


๑๕ วัน

ก. เริ่มเข้ารับราชการ


ข. เลื่อนเงินเดือน หรือย้ายตำแหน่ง


ค. ออกจากราชการ


๘. การรายงานตัว รายงานต่อ กพ.ทบ. ต้นสังกัด


ก. ทราบคำสั่งแต่งตั้งยศ แล้วปลดเป็นนายทหารสัญญาบัตรกองหนุนในโอกาสแรก (เฉพาะ นศท.)


ข. ทันทีที่ออกจากราชการ (ไม่เกิน ๑๕ วัน)


ค. ตรวจร่างกายปีละครั้ง (ตามเวลาที่กำหนด)


ง. แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่การเงินปีละครั้งในต้น ต.ค. (เฉพาะผู้มีเบี้ยหวัดหรือบำนาญ)


๙. การเข้ารับราชการทหาร



ก. มีหน้าที่เข้ารับราชการทหารปีหนึ่งไม่เกิน ๒ เดือน และมีหน้าที่เข้ารับราชการในขณะที่มีราชการพิเศษ


ข. เมื่อมีราชการสงครามหรือประกาศระดมพล หรือประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตท้องที่ซึ่งตนตั้ง


ภูมิลำเนาอยู่ แม้จะไม่ได้รับคำสั่งเรียกพลประการใดก็ต้องรีบไปรายงานตนเอง ณ หน่วยทหารที่ตั้งอยู่ใน


ภูมิลำเนานั้นทันที

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556